รายงานข่าวจาก บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์เกี่ยวกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด โครงการแอชตัน อโศก เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 นั้น บริษัท อนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก จำกัด ขอเรียนแจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานเพื่อแสวงหาทางออกสำหรับท่านเจ้าของร่วม และชี้แจงประเด็นอื่นๆ เพิ่มเติม ดังนี้
1. แนวทางแก้ไขกรณีใบอนุญาตก่อสร้าง บริษัทฯ กำลังเร่งพิจารณาหาแนวทางแก้ไข ซึ่งมีอยู่หลายแนวทางที่มีความเป็นไปได้ ดังต่อไปนี้
1.1ยื่นขอใบอนุญาตก่อสร้างใหม่โดยการซื้อหรือหาที่ดินเพิ่มเติม
1.2เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านสำนักการโยธากรุงเทพมหานครไปยังกรมโยธาธิการและผังเมืองกระทรวงมหาดไทยไปยังคณะรัฐมนตรี
1.3เสนอให้หน่วยงานภาครัฐแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องผ่านรฟม.เสนอผ่านกระทรวงคมนาคมไปยังคณะรัฐมนตรี
1.4 ประสานเจ้าของเดิม ให้ยื่นทบทวนสิทธิที่ดินทางเข้า-ออกจาก รฟม. ให้ทบทวนสิทธิที่ดินเดิมก่อนเวนคืน ควรให้สิทธิทางเข้า-ออกอย่างน้อย 12-13 เมตร เพื่อให้สามารถขึ้นอาคารสูงและขนาดใหญ่พิเศษได้
1.5ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้พิจารณาพิพากษาคดีใหม่เนื่องจากมีพยานหลักฐานใหม่ทำให้ข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป
2.แนวทางช่วยเหลือเรื่องการผ่อนชำระสินเชื่อของท่านเจ้าของร่วมที่มีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทฯได้เร่งประสานงานกับสถาบันการเงินหลายแห่งเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในการผ่อนชำระสินเชื่อของท่านเจ้าของร่วมที่ยังมีภาระผูกพันกับสถาบันการเงินโดยบริษัทฯได้เชิญสถาบันการเงินต่างๆเข้าร่วมประชุมเพื่อหารือแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนในการผ่อนชำระของท่านเจ้าของร่วมดังนี้
2.1บริษัทฯขอให้สถาบันการเงินพิจารณาแนวทางด้านการผ่อนชำระในอัตราดอกเบี้ยพิเศษคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
2.2บริษัทฯขอให้สถาบันการเงินพิจารณาแนวทางสำหรับมาตรการลดภาระในการผ่อนชำระอื่นๆ
ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลพิจารณาจากสถาบันการเงินซึ่งเมื่อได้รับความคืบหน้าประการใดบริษัทฯจะแจ้งให้ท่านเจ้าของร่วมทราบโดยเร็ว
3.ประเด็นชี้แจงอื่นๆเพิ่มเติม
3.1 การออกใบอนุญาตเปิดใช้อาคารแบบมีเงื่อนไข ประเด็นเรื่องข้อสงวนที่ กทม. กำหนดว่าบริษัทฯ จะต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อบริษัทฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง หากผลการพิจารณาของศาลปกครองเป็นที่สุดว่าโครงการดำเนินการขัดต่อกฎหมายควบคุมอาคาร ข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฎอยู่เพียงในใบรับรองการก่อสร้าง (อ.6) ซึ่งเอกสารดังกล่าว กทม. ออกให้บริษัทฯ หลังจากที่โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จและได้มีการขายให้กับลูกค้าแล้วนอกจากนี้ ในใบอนุญาตอื่น ที่กทม. ออกให้แก่บริษัทฯ ก่อนหน้านี้ ไม่เคยมีข้อความทำนองนี้ปรากฏอยู่ในใบอนุญาตแต่อย่างใด และบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะร่วมแก้ปัญหาไปพร้อมกับ กทม. ต่อไป
3.2เงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์และรับทราบสถานะคดีบริษัทฯได้แจ้งเรื่องของคดีที่อยู่ในศาลปกครองนับแต่ที่ลูกค้าได้ทำการซื้อขายห้องชุดกับบริษัทฯตามลำดับดังนี้
– ในช่วงแรก ที่บริษัทฯ ไม่สามารถโอนกรรมสิทธิ์ได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาจะซื้อจะขาย บริษัทฯ ได้ขอขยายระยะเวลาโอนกรรมสิทธิ์ โดยแจ้งเรื่องคดีของโครงการให้ลูกค้าทราบ พร้อมทั้งเสนอแนวทาง 3 ข้อให้ลูกค้าพิจารณา คือ (1) การยกเลิกสัญญา และคืนเงิน (2) การย้ายโครงการตามที่บริษัทฯ กำหนดไว้ (3) หากถือสัญญาไว้ต่อจนถึงครบกำหนดการขยายระยะเวลา (26 มีนาคม 2562) จะได้รับส่วนลด ณ วันโอน ในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปีของเงินที่ชำระมาแล้วทั้งหมด โดยสำหรับลูกค้าที่เลือกรับโอนกรรมสิทธิ์ บริษัทฯ ได้ส่งหนังสือขอบคุณ พร้อมทั้งแจ้งสถานะเกี่ยวกับคดีของโครงการให้รับทราบด้วย (จากลูกค้าจองทั้งหมด 766 ราย มีลูกค้ายกเลิกสัญญาทั้งหมด 244 ราย, ย้ายโครงการ 4 ราย และอยู่รอโอนกรรมสิทธิ์ 518 ราย หลังจากที่บริษัทฯ ได้มีการแจ้งให้ลูกค้าทราบทั้ง 3 แนวทาง)
–ในเวลาต่อมาบริษัทฯได้จัดส่งเอกสารแจ้งสถานะคดีของโครงการในหนังสือนัดโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดไปยังลูกค้าทุกรายซึ่งได้รับการลงนามการตอบรับมาเป็นส่วนใหญ่
–สำหรับลูกค้าที่ซื้อและทำสัญญาจะซื้อจะขายตั้งแต่ปี2561เป็นต้นไปได้รับทราบสถานะคดีตามที่บริษัทฯได้แจ้งไว้ในบันทึกแนบท้ายสัญญาจะซื้อจะขายห้องชุด
ดังนั้นลูกค้าของโครงการจึงรับทราบสถานะของคดีมาโดยตลอด
ทั้งนี้บริษัทฯใคร่ขอยืนยันว่าบริษัทฯจะร่วมเคียงข้างเจ้าของร่วมทุกท่านและกำลังเร่งดำเนินการแสวงหาทางออกอย่างสุดความสามารถโดยจะแจ้งความคืบหน้าการดำเนินงานต่างๆให้ท่านเจ้าของร่วมทราบโดยเร็ว